บทที่ 12

จู่ๆ หัวใจของซือลั่วก็เหมือนกับถูกเข็มทิ่มแทงอย่างรุนแรง ปีนี้เว่ยฉงซีพึ่งจะอายุ 20 ปีเท่านั้น หากเป็นในยุคปัจจุบัน เขาก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยพอดี เดิมทีควรจะมีชีวิตที่สวยงาม แต่ทว่าตอนนี้...

ซือลั่วมองดูเว่ยฉงซีที่ใส่เสื้อผ้ามอมแมมขาดรุ่งริ่ง รูปร่างผ่ายผอมซีดเซียว ใบหน้าอึมครึม มองมาที่นางอย่างระแวงระวัง ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจขี้นมา

เว่ยฉงซีแค่ต้องการทำให้นางอาละวาดเพื่อเปิดเผยพิรุธช่องโหว่ออกมา กลับไม่คาดคิดว่านางจะใช้สายตาเช่นนี้มองมาที่เขา

ดวงตาของซือลั่วใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งนัก ทั้งยังมีความเวทนาอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าสายตาของนางมองทะลุกลลวงของเขา ขณะเดียวกันยังมีความรู้สึกปวดใจอยู่อีกด้วย

เว่ยฉงซีรู้สึกอึดอัดมาก เขาไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องการให้ใครมาสงสารเขา แววตาของเว่ยฉงซียิ่งเย็นเยียบขึ้นไปอีก มองไปทางซือลั่วอย่างเย็นชา ใช้ร่างที่เต็มไปด้วยหนามของเขาเผชิญหน้ากับซือลั่ว

พฤติกรรมแบบนี้ช่างคล้ายคลึงกับซือลั่วในชาติก่อนหลังจากที่แม่ของนางเสียชีวิตยิ่งนัก

“เว่ยฉงซี เจ้าเชือดไก่เป็นไหม"

จู่ๆ ซือลั่วก็พูดขึ้น

เว่ยฉงซีชะงัก

“เจ้าว่าไงนะ” เขาคิดว่าตัวเองฟังผิดไป

ซือลั่วถอนหายใจ หันไปยิ้มให้เขา "เมื่อวานไม่ใช่ว่าข้าซื้อไก่มาสองตัวหรือ วันนี้พวกเราตุ๋นไก่กินกันดีหรือไม่”

เว่ยฉงซีไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก เขาเพียงแค่จ้องมองนางด้วยความงุนงง ดวงตาสีดำของเขาราวกับแอ่งน้ำในทะเลสาบที่ลุ่มลึกและมืดมน ทำให้ผู้คนยากที่จะมองเห็นอารมณ์ความรู้สึกข้างใน

ซือลัวเดินเข้ามา "ข้าแบกเจ้าออกไปก่อน ไปตากแดดเสริมก้ายสักหน่อย"

เว่ยฉงซีไม่กล่าวอะไร

เขาไม่ได้ถามด้วยว่า "คลุม*" คืออะไร (คำอธิบาย ซือลั่วพูดว่า เสริมก้าย แปลว่า เสริมแคลเซียม แต่เว่ยฉงซีเข้าใจเป็นคำว่า 盖 ก้าย ที่แปลว่า ครอบหรือคลุม)

นางเดินมาและตบหลังตัวเองอย่างอาจหาญ "ขึ้นมา"

แน่นอนว่าเว่ยฉงซีไม่มีทางยอมให้แม่นางผู้หนึ่งมาแบกตัวเองอีกอย่างเด็ดขาด เขาก้มหัวลงและกล่าวเสียงเย็นว่า "ข้าออกไปเองได้!"

“ออกไปอย่างไร”

ซือลั่วมองเขา จงใจพูดเสียงดังว่า "เว่ยฉงซี เจ้าคลานแล้วดูไม่สง่างามแม้แต่น้อย”

เว่ยฉงซีหรี่ตามองนางด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง

ซือลั่วรู้สึกเหมือนกำลังรังแกเด็กอีกแล้ว

นางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า "ออกไปอาบแดดเสีย ประเดี๋ยวเจ้าช่วยข้าเชือดไก่ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว หรือว่าเจ้าไม่อยากกินข้าวหรือ"

ซือลั่วพึ่งจะพูดจบ ท้องของเว่ยฉงซีก็ร้องลั่น เขาเงยหน้าขึ้นและจ้องมองอย่างดุดันไปทางซือลั่วซึ่งกำลังกลั้นหัวเราะ ในที่สุดก็ปีนขึ้นไปบนหลังของนางราวกับเป็นการแก้แค้น

น้ำหนักที่เพิ่มมาอย่างกะทันหันทำให้ซือลั่วถึงกับซวนเซ

"เว่ยฉงซี เจ้าอดมาตั้งสามปีแล้ว เหตุใดจึงยังหนักถึงเพียงนี้อีก"

เว่ยฉงซีไม่พูดอะไร ได้กลิ่นหอมอ่อนจางๆ บนร่างกายนาง ในใจรู้สึกคันยิบๆ ราวกับมีขนนกปัดผ่านเบาๆ เป็นความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

นางแบกเขาออกไปวางบนเก้าอี้หวายอย่างทุลักทุเล

ซือลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่ไม่ใช่ปัญหาแค่ต้องทำรถเข็นออกมาให้เร็วที่สุด

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้นางก็มองไปทางเว่ยฉงซีอีกครั้ง

"ใช่สิ จะว่าไปก็ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว เจ้าอยากไป...ห้องปลดทุกข์ไหม"

เว่ยฉงซีนั่งลง ความรู้สึกเมื่อครู่ยังไม่สงบลง จู่ๆ ได้ยินนางพูดประโยคดังกล่าว ใบหูก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที สีหน้ากลับเปลี่ยนไปเย็นเยียบเหมือนแต่ก่อน พูดเสียงเหี้ยมว่า "ไม่ต้องให้เจ้ามายุ่ง! "

"ข้าแค่เป็นห่วงว่าเจ้าจะอั้นไว้จนแย่"

ซือลั่วรู้สึกว่าเจตนาดีของนางถูกมองเป็นแง่ร้ายไปเสียแล้ว

"ข้าสบายดีมาก" เว่ยฉงซีกล่าวอย่างเย็นชา

ซือลั่วบึนปาก เดินไปหน้าตะกร้าและคว้าไก่ออกมาหนึ่งตัว

ไก่ตัวไม่ใหญ่ แต่มีดวงตาคมปลาบกับจงอยปากที่แหลมคมอย่างมาก ขนสีแดงและสีดำผสมกันดูสวยงามยิ่งนัก เมื่อถูกซือลั่วจับ ไก่ตัวผู้ก็รู้สึกอึดอัดจนกระพือปีกสุดชีวิต

ซือลั่วนำไก่มา "จะเชือดมันอย่างไร"

นางชอบทำอาหารและชอบกินไก่ แต่นางไม่เคยฆ่าไก่มาก่อน

เว่ยฉงซีไม่หาเรื่องทะเลาะอีก อาจจะรู้สึกว่าถ้ายังทะเลาะกันต่อไปอีกเขาคงจะหิวตายแล้วจริงๆ

“ไปเอามีดที่ครัวมา” ขณะพูดเขาก็เอื้อมมือมาคว้าปีกไก่

ซือลั่วหยิบมีดทำครัวออกมาแล้วมอบให้เว่ยฉงซี

เว่ยฉงซีขยับตัวลุกจากเก้าอี้มานั่งลงบนพื้น "เอาอ่างมาอีกใบ"

“ได้"

ซือลั่วไปหยิบอ่างขอบบิ่นในบหนึ่งมาอย่างรวดเร็ว หลังจากมอบให้เว่ยฉงซีนางก็วิ่งไปหลบในบ้าน นางกลัวการฆ่าไก่แน่นอนว่าต้องไม่กล้าดูฉากนองเลือดแบบนั้นเช่นเดียวกัน

ทว่าผู้คนต่างก็มีความสงสัยใคร่รู้ ซือลั่วก็ไม่มีข้อยกเว้น นางแนบตัวกับประตูแล้วมองลอดออกไปจากรอยแยก เห็นเพียงเว่ยฉงซีที่มือขวาจับปีกไก่อยู่ ส่วนมือซ้ายถือมีด หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เงื้อมีดขึ้นและลงมือ ไก่ตัวผู้ยังไม่ได้ร้องสักแอะก็ตายเสียแล้ว

หลังจากที่ซือลั่วออกมาก็เห็นในมือเขายังถือมีดอยู่ จ้องเขม็งไปทางหัวของไก่ที่ตายแล้วบนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยือกเย็นจนน่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความบ้าคลั่งกระหายเลือดอีกด้วย

ซือลั่วผงะ

นางรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่าจิตใจของเว่ยฉงซีค่อนข้างไม่ปกติ

“เว่ยฉงซี” นางร้องเรียก

เว่ยฉงซีคืนสติจากความเฉยเมยก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ทิ้งมีดลง ไม่ส่งเสียงสักแอะ ปีนกลับไปบนเก้าอี้ด้วยตัวเอง หลับตาลงและไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่ประโยคเดียว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป